นางสุดใจ ชมภูมี เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ประจำปี 2560 จากจังหวัดพิษณุโลก ผู้นำ พาชุมชนบ้านผารังหมี ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา ใช้กับคนในชุมชน จากเดิมที่การทำนาของคนในชุมชน มีการพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ปุ๋ย ยา ฆ่าแมลง และสารเคมี เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต ด้วยความเชื่อที่ว่าหากใช้ปุ๋ยเคมีจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ไร่ละ 1,000 บาท ต่อกิโลกรัม แต่เมื่อใช้เกินความจำเป็น ก็เป็นเหตุให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจน ขาดทุน อีกทั้งยังมีสารพิษตกค้างที่ผลผลิตและร่างกาย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำให้ชาวบ้านส่วนมากเป็นหนี้ มีเงินไม่พอใช้จ่าย ไม่พอค่ารถเกี่ยว และค่าเช่านา ครูสุดใจจึงเริ่ม จดบันทึกบัญชีค่าใช้จ่ายในการทำนาปีของตนเอง เพื่อให้รู้ต้นทุนการทำนาว่ามีผลกำไรหรือขาด ทุนมากน้อยเพียงใด หลังจากบันทึกบัญชีแล้ว ครูสุดใจจึงรู้ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การใส่ปุ๋ยที่มากเกินไปไม่ได้ ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิต เพราะเป็นข้าวพันธุ์มะลิระบบน้ำไม่ได้ตามต้องการเป็นนาน้ำฝนอย่าง เดียว จึงทำให้รู้ข้อมูลต้นทุนการผลิตสาเหตุของการทำนาแล้วขาดทุน โดยได้นำสิ่งที่ตัวเองจด เป็นข้อมูลฤดูกาลผลิตต่อไปในการวางแผนทำนาปีของตนเอง และโน้มน้าวคนในชุมชนให้ลงมือ จดบันทึกบัญชี เพื่อให้รู้ว่าสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นและสิ่งไหนสามารถทำสิ่งมาทดแทนได้ คนในชุมชน จึงสนใจเริ่มจดบันทึกบัญชีครัวเรือนเพื่ออุดรูรั่วที่ไม่จำเป็น และจดบัญชีต้นทุนอาชีพ เพื่อให้รู้ต้น ทุน รู้กำไร ขาดทุน และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่ทำสิ่งทดแทนปัจจัย การผลิตเพื่อลดต้นทุน ซึ่งทำให้ได้คุณภาพและปริมาณที่สูงขึ้น ส่งผลให้คนในชุมชนมีความเป็น อยู่ที่ดีขึ้น รู้จักประมาณตน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านผารังหมี โดยมีการสอนบัญชีต้นทุนอาชีพ และบัญชีครัวเรือน เพื่อให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และ ประชาชนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ภายในศูนย์เรียนรู้ฯ ได้อีกด้วย ในปี พ.ศ. 2550 ครูสุดใจ ชมภูมี ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการศูนย์เรียนรู้โครงการพระราช ดำริเศรษฐกิจพอเพียง โดยนำหลักการทรงงานมาปรับใช้กับหลักสูตรกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มราย ได้ การทำบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนอาชีพ ส่งเสริมกลุ่มอาชีพเพิ่มรายได้ และได้นำประสบการณ์ การจดบันทึกบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนอาชีพ ส่งเสริมกลุ่มอาชีพเพิ่มรายได้ และมีการบันทึก บัญชีกลุ่มแต่ละอาชีพ ได้แก่ กลุ่มธนาคารขยะ กลุ่มธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ กลุ่มทอผ้า กลุ่มทอเสื่อ กลุ่มจักสาน ซึ่งมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือนในเรื่องของการทำบัญชี และปี พ.ศ. 2554 ครูสุด ใจ ได้รับเลือกจาก ธกส. ให้เป็นวิทยากรหมอหนี้สอนการทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ ให้กับเกษตรกรผู้พักชำระหนี้ (หนี้นอกระบบ) และติดตามการจัดทำบัญชี พร้อมให้คำแนะนำ ปรึกษาด้านอาชีพกับการทำบัญชีให้กับผู้อบรมตำบลไทรน้อย 40 คน จนสามารถปลดหนี้นอก ระบบได้ ครูสุดใจ ชมภูมี จึงถือเป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรในการพัฒนาตนเองให้มีความรู้ด้านการทำ บัญชีฟาร์ม บัญชีครัวเรือน และช่วยเหลือแนะนำผู้อื่นให้สามารถจดบัญชี อุดรูรั่วสิ่งที่ไม่จำเป็นได้ โดยการน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ จนชุมชนประสบผลสำเร็จจากการทำนาอินทรีย์ สามารถลดต้นทุนการผลิต และยังสามารถรวมกลุ่มกันแปรรูปข้าวกล้องปลอดสารพิษจัดจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและชุมชน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน.